การเทรดแบบ Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อยในระยะสั้น ๆ โดยมีการซื้อขายที่รวดเร็วและถี่มากขึ้นกว่ากลยุทธ์อื่น ๆ ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้เรียกว่า “Scalper” และมักจะทำการซื้อขายภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที โดยปิดออเดอร์เมื่อมีกำไรเล็กน้อยเกิดขึ้น หลักการของ Scalping คือ การทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยแต่บ่อยครั้ง จนรวมเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจ
คุณสมบัติหลักของการเทรดแบบ Scalping
- ความรวดเร็วและการเคลื่อนไหวสั้น ๆ
Scalper มักจะเข้าซื้อขายเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที และปิดการเทรดเมื่อมีกำไรหรือขาดทุนเล็กน้อย - ทำกำไรบ่อยครั้ง
เป้าหมายหลักของ Scalper คือการทำกำไรเล็กน้อยจากแต่ละออเดอร์ การเทรดแบบนี้จะเน้นจำนวนออเดอร์ที่มาก ทำให้สามารถสะสมผลกำไรได้บ่อยครั้ง - ใช้เลเวอเรจสูง
เนื่องจากการเทรดแบบ Scalping ต้องการการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยในการทำกำไร จึงมักใช้เลเวอเรจสูงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในระยะสั้น - มีความเสี่ยงสูง
เพราะการเคลื่อนไหวของราคาน้อย ๆ ก็สามารถทำให้เกิดการขาดทุนได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจสูง - ต้องการการวิเคราะห์ที่แม่นยำและรวดเร็ว
Scalping ต้องการความสามารถในการวิเคราะห์เทคนิคและความเร็วในการตัดสินใจ หากราคาตลาดมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย Scalper จะต้องสามารถจับจังหวะได้อย่างรวดเร็ว
เครื่องมือและกลยุทธ์ที่นิยมในการ Scalping
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
- การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเร็ว เช่น EMA (Exponential Moving Average) ระยะสั้นอย่าง EMA 9 หรือ EMA 21 เพื่อดูแนวโน้มระยะสั้นและหาจังหวะเข้าเทรด
- การตัดกันระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย เช่น EMA ระยะสั้นตัดเหนือ EMA ระยะยาว อาจเป็นสัญญาณการเข้าซื้อ (Buy) หรือถ้า EMA ระยะสั้นตัดต่ำกว่า EMA ระยะยาว อาจเป็นสัญญาณการขาย (Sell)
- ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI)
- RSI ถูกใช้เพื่อตรวจสอบภาวะ Overbought และ Oversold อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการตั้งค่าให้สั้นลงเช่น RSI 7 ซึ่งใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น
- สัญญาณจากกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
- ใช้รูปแบบแท่งเทียน เช่น Doji, Hammer, Shooting Star ในกรอบเวลาสั้น เช่น 1 นาทีหรือ 5 นาที เพื่อหาจุดกลับตัวและจุดเข้า
- Bollinger Bands
- Bollinger Bands สามารถช่วยบอกภาวะของตลาดได้ เช่น เมื่อราคาทดสอบขอบล่างของ Bollinger Bands อาจเป็นโอกาสในการซื้อ หรือถ้าราคาขึ้นไปถึงขอบบนอาจเป็นโอกาสในการขาย
- การติดตามข่าวสารสำคัญ
- ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญ เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ อาจทำให้ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Scalper ในการทำกำไร
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบ Scalping
ข้อดี:
- ได้กำไรอย่างรวดเร็ว
- โอกาสทำกำไรบ่อยครั้ง
- ไม่ต้องถือสถานะการเทรดข้ามวัน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในระยะยาว
ข้อเสีย:
- ต้องใช้เวลาในการติดตามหน้าจอเป็นเวลานาน
- ความเครียดสูงจากการตัดสินใจเร็ว
- ค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมสูงจากการเปิดปิดสถานะบ่อยครั้ง
เทคนิคในการเริ่มต้น Scalping
- เลือกตลาดที่มีสภาพคล่องสูง – เช่น ตลาด Forex หรือ CFD ที่มีความผันผวนของราคา
- จัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม – ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit อย่างเข้มงวด
- ใช้บัญชีเทรดที่มีค่าคอมมิชชั่นต่ำ – ค่าธรรมเนียมจากการเปิดปิดบ่อยครั้งอาจส่งผลต่อกำไร ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำและค่าธรรมเนียมต่ำ
การเทรดแบบ Scalping เหมาะกับผู้ที่ชอบการเทรดในระยะสั้นและสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แต่จำเป็นต้องมีวินัยในการจัดการความเสี่ยงและการฝึกฝน