การเทรดแบบ Scalping

การเทรดแบบ Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อยในระยะสั้น ๆ โดยมีการซื้อขายที่รวดเร็วและถี่มากขึ้นกว่ากลยุทธ์อื่น ๆ ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้เรียกว่า “Scalper” และมักจะทำการซื้อขายภายในไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที โดยปิดออเดอร์เมื่อมีกำไรเล็กน้อยเกิดขึ้น หลักการของ Scalping คือ การทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยแต่บ่อยครั้ง จนรวมเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจ

คุณสมบัติหลักของการเทรดแบบ Scalping

  1. ความรวดเร็วและการเคลื่อนไหวสั้น ๆ
    Scalper มักจะเข้าซื้อขายเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที และปิดการเทรดเมื่อมีกำไรหรือขาดทุนเล็กน้อย
  2. ทำกำไรบ่อยครั้ง
    เป้าหมายหลักของ Scalper คือการทำกำไรเล็กน้อยจากแต่ละออเดอร์ การเทรดแบบนี้จะเน้นจำนวนออเดอร์ที่มาก ทำให้สามารถสะสมผลกำไรได้บ่อยครั้ง
  3. ใช้เลเวอเรจสูง
    เนื่องจากการเทรดแบบ Scalping ต้องการการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยในการทำกำไร จึงมักใช้เลเวอเรจสูงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในระยะสั้น
  4. มีความเสี่ยงสูง
    เพราะการเคลื่อนไหวของราคาน้อย ๆ ก็สามารถทำให้เกิดการขาดทุนได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจสูง
  5. ต้องการการวิเคราะห์ที่แม่นยำและรวดเร็ว
    Scalping ต้องการความสามารถในการวิเคราะห์เทคนิคและความเร็วในการตัดสินใจ หากราคาตลาดมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย Scalper จะต้องสามารถจับจังหวะได้อย่างรวดเร็ว

เครื่องมือและกลยุทธ์ที่นิยมในการ Scalping

  1. เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
    • การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเร็ว เช่น EMA (Exponential Moving Average) ระยะสั้นอย่าง EMA 9 หรือ EMA 21 เพื่อดูแนวโน้มระยะสั้นและหาจังหวะเข้าเทรด
    • การตัดกันระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย เช่น EMA ระยะสั้นตัดเหนือ EMA ระยะยาว อาจเป็นสัญญาณการเข้าซื้อ (Buy) หรือถ้า EMA ระยะสั้นตัดต่ำกว่า EMA ระยะยาว อาจเป็นสัญญาณการขาย (Sell)
  2. ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI)
    • RSI ถูกใช้เพื่อตรวจสอบภาวะ Overbought และ Oversold อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการตั้งค่าให้สั้นลงเช่น RSI 7 ซึ่งใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงระยะสั้น
  3. สัญญาณจากกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
    • ใช้รูปแบบแท่งเทียน เช่น Doji, Hammer, Shooting Star ในกรอบเวลาสั้น เช่น 1 นาทีหรือ 5 นาที เพื่อหาจุดกลับตัวและจุดเข้า
  4. Bollinger Bands
    • Bollinger Bands สามารถช่วยบอกภาวะของตลาดได้ เช่น เมื่อราคาทดสอบขอบล่างของ Bollinger Bands อาจเป็นโอกาสในการซื้อ หรือถ้าราคาขึ้นไปถึงขอบบนอาจเป็นโอกาสในการขาย
  5. การติดตามข่าวสารสำคัญ
    • ข่าวสารหรือเหตุการณ์สำคัญ เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ อาจทำให้ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ Scalper ในการทำกำไร

ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบ Scalping

ข้อดี:

  • ได้กำไรอย่างรวดเร็ว
  • โอกาสทำกำไรบ่อยครั้ง
  • ไม่ต้องถือสถานะการเทรดข้ามวัน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในระยะยาว

ข้อเสีย:

  • ต้องใช้เวลาในการติดตามหน้าจอเป็นเวลานาน
  • ความเครียดสูงจากการตัดสินใจเร็ว
  • ค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมสูงจากการเปิดปิดสถานะบ่อยครั้ง

เทคนิคในการเริ่มต้น Scalping

  1. เลือกตลาดที่มีสภาพคล่องสูง – เช่น ตลาด Forex หรือ CFD ที่มีความผันผวนของราคา
  2. จัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม – ตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit อย่างเข้มงวด
  3. ใช้บัญชีเทรดที่มีค่าคอมมิชชั่นต่ำ – ค่าธรรมเนียมจากการเปิดปิดบ่อยครั้งอาจส่งผลต่อกำไร ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำและค่าธรรมเนียมต่ำ

การเทรดแบบ Scalping เหมาะกับผู้ที่ชอบการเทรดในระยะสั้นและสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แต่จำเป็นต้องมีวินัยในการจัดการความเสี่ยงและการฝึกฝน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save