ในตลาดฟอเร็กซ์และ CFDs มีคู่เงินและสินค้าที่ได้รับความนิยมในการเทรดสูง เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวทางราคาอย่างต่อเนื่อง สภาพคล่องสูง และมักได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยทั่วไปคู่เงินและสินค้าที่นิยมเทรดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ คู่เงิน (Currency Pairs) และ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)
1. คู่เงิน (Currency Pairs) ที่นิยมเทรด
คู่เงินในฟอเร็กซ์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ คู่เงินหลัก (Major Pairs), คู่เงินรอง (Minor Pairs), และคู่เงินที่เกิดใหม่ (Exotic Pairs)
คู่เงินหลัก (Major Pairs)
คู่เงินหลักจะประกอบด้วย USD และอีกหนึ่งสกุลเงินจากประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยคู่เงินเหล่านี้มีสภาพคล่องสูงสุดและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าคู่เงินประเภทอื่น ๆ
- EUR/USD (Euro/US Dollar): เป็นคู่เงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดและมีสภาพคล่องสูงสุด
- USD/JPY (US Dollar/Japanese Yen): มีความผันผวนปานกลางและเป็นที่นิยมในการเทรดของนักลงทุนชาวเอเชีย
- GBP/USD (British Pound/US Dollar): คู่เงินที่มีการเคลื่อนไหวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่อื่น
- USD/CHF (US Dollar/Swiss Franc): เป็นคู่เงินที่มีเสถียรภาพและเป็นที่นิยมในการใช้เป็น Safe Haven
- AUD/USD (Australian Dollar/US Dollar): ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น แร่ธาตุและพลังงาน
- USD/CAD (US Dollar/Canadian Dollar): เป็นคู่เงินที่ได้รับอิทธิพลจากราคาน้ำมันดิบ
คู่เงินรอง (Minor Pairs)
คู่เงินรองเป็นคู่เงินที่ไม่รวม USD แต่มีสภาพคล่องสูง
- EUR/GBP (Euro/British Pound)
- EUR/AUD (Euro/Australian Dollar)
- GBP/JPY (British Pound/Japanese Yen)
- EUR/JPY (Euro/Japanese Yen)
คู่เงินที่เกิดใหม่ (Exotic Pairs)
คู่เงินที่เกิดใหม่มักจะมีความผันผวนสูงและสเปรดที่กว้างขึ้น เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์
- USD/THB (US Dollar/Thai Baht)
- USD/SGD (US Dollar/Singapore Dollar)
- USD/TRY (US Dollar/Turkish Lira)
2. สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ที่นิยมเทรด
สินค้ากลุ่มนี้แบ่งออกเป็นกลุ่มโลหะมีค่า, พลังงาน, และสินค้าเกษตร
โลหะมีค่า (Precious Metals)
สินค้ากลุ่มนี้เป็นที่นิยมเนื่องจากมีความมั่นคงในระยะยาวและสามารถใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- ทองคำ (Gold, XAU/USD): เป็นโลหะที่นิยมเทรดมากที่สุด มีบทบาทเป็น Safe Haven
- เงิน (Silver, XAG/USD): มีการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมและการเงิน
- แพลเลเดียม (Palladium) และแพลทินัม (Platinum): ใช้ในการผลิตรถยนต์และมีการใช้งานในอุตสาหกรรม
พลังงาน (Energy)
สินค้ากลุ่มนี้ได้รับความสนใจเนื่องจากมีความผันผวนสูงและมักได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
- น้ำมันดิบ (Crude Oil, WTI และ Brent): ราคาน้ำมันดิบมีผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทาน, การเมืองระหว่างประเทศ, และนโยบายของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน
- ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas): ราคาขึ้นลงตามฤดูกาลและความต้องการในตลาดพลังงาน
สินค้าเกษตร (Agricultural Commodities)
สินค้ากลุ่มนี้มีการเคลื่อนไหวตามฤดูกาลและความต้องการทางการค้า
- ข้าวสาลี (Wheat)
- ข้าวโพด (Corn)
- กาแฟ (Coffee)
- โกโก้ (Cocoa)
3. ดัชนี (Indices)
ดัชนีหลักทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่นิยมเทรดเพื่อสะท้อนถึงสภาพของตลาดหุ้นในแต่ละประเทศ
- S&P 500: ดัชนีที่สะท้อนถึงหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ
- Dow Jones Industrial Average (DJIA): ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น 30 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ
- NASDAQ: ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ
- FTSE 100: ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ในอังกฤษ
- DAX 30: ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี
- Nikkei 225: ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น
4. คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)
สินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความผันผวนสูงและการเติบโตของตลาดคริปโต
- Bitcoin (BTC/USD): คริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด
- Ethereum (ETH/USD): คริปโตเคอร์เรนซีที่มีการพัฒนาและใช้งานในเครือข่ายบล็อกเชนมากมาย
- Ripple (XRP/USD): ใช้สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศ
- Litecoin (LTC/USD): คริปโตเคอร์เรนซีที่มีการทำธุรกรรมรวดเร็วกว่า Bitcoin
- Binance Coin (BNB), Cardano (ADA), Solana (SOL): สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในแพลตฟอร์มต่าง ๆ
สรุป
การเลือกคู่เงินหรือสินค้าที่จะเทรดขึ้นอยู่กับความชำนาญและเป้าหมายในการลงทุนของนักเทรด หากต้องการเน้นที่ความปลอดภัยและเสถียรภาพ อาจเลือกเทรดคู่เงินหลักหรือทองคำ ส่วนสินค้าที่มีความผันผวนสูงเช่นน้ำมันและคริปโตเคอร์เรนซีจะเหมาะสำหรับนักเทรดที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการโอกาสในการทำกำไรในระยะสั้น