โบรกเกอร์ Forex มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการดำเนินงานและรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดและความต้องการของเทรดเดอร์ โดยสามารถแบ่งประเภทโบรกเกอร์ Forex ได้ดังนี้:
1. โบรกเกอร์แบบ Dealing Desk (DD) หรือ Market Maker
- ลักษณะ: โบรกเกอร์ประเภทนี้จะทำหน้าที่เป็น “ผู้สร้างตลาด” ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสร้างราคาซื้อขาย (Bid/Ask) ขึ้นมาเอง และทำหน้าที่เป็นคู่ค้าตรงข้ามกับเทรดเดอร์ กล่าวคือ เมื่อเทรดเดอร์เปิดคำสั่งซื้อขาย โบรกเกอร์ Market Maker จะเป็นคู่สัญญาตรงข้าม
- ข้อดี: สเปรดคงที่ เข้าถึงได้ง่าย และไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- ข้อเสีย: อาจเกิดความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ เนื่องจากโบรกเกอร์จะได้กำไรเมื่อเทรดเดอร์ขาดทุน
2. โบรกเกอร์แบบ No Dealing Desk (NDD)
- ลักษณะ: โบรกเกอร์ประเภทนี้ไม่ทำหน้าที่เป็นคู่ค้าตรงข้ามกับเทรดเดอร์ พวกเขาส่งคำสั่งซื้อขายของเทรดเดอร์ไปยังตลาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับสภาพคล่องจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น
- ประเภท:
- STP (Straight Through Processing): คำสั่งซื้อขายถูกส่งไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง
- ECN (Electronic Communication Network): เป็นเครือข่ายที่รวบรวมราคาซื้อขายจากหลายแหล่ง ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายกันเองในราคาที่ดีสุด
- ข้อดี: ไม่มีการแทรกแซงราคา ไม่มีความขัดแย้งระหว่างโบรกเกอร์กับเทรดเดอร์ สเปรดบางครั้งถูกกว่าแบบ Market Maker
- ข้อเสีย: บางครั้งมีสเปรดผันผวนสูง และอาจมีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม
3. โบรกเกอร์แบบ Hybrid (DD + NDD)
- ลักษณะ: โบรกเกอร์แบบ Hybrid เป็นการผสมระหว่างโบรกเกอร์แบบ Dealing Desk (DD) และ No Dealing Desk (NDD) โดยพวกเขาอาจจัดการคำสั่งซื้อขายเล็กๆ ในแบบ Market Maker แต่จะส่งคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ไปยังตลาดที่มีสภาพคล่องในระบบ NDD
- ข้อดี: มีการจัดการความเสี่ยงในตัวเอง ทำให้สามารถเสนอราคาที่ดีกว่าและเหมาะสมกับเทรดเดอร์หลากหลายรูปแบบ
- ข้อเสีย: ความซับซ้อนในการดำเนินงาน อาจมีปัญหาในการกำหนดอัตราค่าบริการในบางครั้ง
การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม
การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดเป็นสิ่งสำคัญ เทรดเดอร์ระยะสั้น เช่น Scalping อาจเหมาะกับโบรกเกอร์แบบ NDD (STP หรือ ECN) ที่ให้สเปรดต่ำ ในขณะที่เทรดเดอร์ที่เทรดระยะยาวหรือ Swing Trading อาจพิจารณาโบรกเกอร์แบบ Market Maker ที่มีสเปรดคงที่